ฉลากสินค้า และสติ๊กเกอร์สินค้า คืออะไร มีกี่ประเภท?

ทำความรู้จักกับฉลากสินค้า และสติ๊กเกอร์สินค้า มีกี่ประเภท และคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งาน รวมถึงการเลือกวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับการพิมพ์ฉลาก

การผลิตและการค้าขายที่มีการแข่งขันสูง ฉลากสินค้าและสติ๊กเกอร์สินค้าถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ไม่เพียงแต่ช่วยให้สินค้าดูโดดเด่นและมีความน่าสนใจ แต่ยังช่วยให้ลูกค้าเข้าใจข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสินค้าได้ง่ายขึ้น เช่น ชื่อสินค้า ราคา วัตถุดิบที่ใช้ วันหมดอายุ หรือวิธีการใช้งาน ซึ่งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้า

ในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับประเภทของฉลากสินค้าและสติ๊กเกอร์สินค้าว่ามีกี่แบบ รวมถึงวัสดุที่นิยมใช้ในการผลิต และวิธีการเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับสินค้าของคุณ

ฉลากสินค้า และสติ๊กเกอร์สินค้า คืออะไร?

ฉลากสินค้า

ฉลากสินค้า คือ แถบหรือป้ายที่ติดอยู่บนผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ เช่น

• ชื่อผลิตภัณฑ์: ระบุชื่อหรือแบรนด์ของสินค้า
• ข้อมูลโภชนาการ: สำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ปริมาณแคลอรีและสารอาหาร
• วันหมดอายุ: วันที่ควรบริโภคหรือใช้ผลิตภัณฑ์
• วิธีการใช้งาน: คำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์
• ข้อควรระวัง: ข้อมูลที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

การมีฉลากสินค้าที่ชัดเจนไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยสร้างความไว้วางใจและความพึงพอใจในแบรนด์อีกด้วย

สติ๊กเกอร์สินค้า

สติ๊กเกอร์สินค้าคือแผ่นวัสดุที่ติดอยู่บนสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและการรับรู้แบรนด์ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อแสดงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า เช่น โลโก้ โปรโมชั่น หรือข้อความพิเศษ โดยมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามประเภทของวัสดุที่ใช้ เช่น

• สติ๊กเกอร์กระดาษ: เหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่ต้องสัมผัสน้ำมากนัก และมีราคาถูก
• สติ๊กเกอร์พลาสติก (PP, PVC): ทนทานต่อความชื้นและสารเคมี เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

สติ๊กเกอร์สามารถใช้เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ เช่น การออกแบบที่โดดเด่น หรือการใช้สีสันที่สะดุดตา ซึ่งช่วยดึงดูดลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขาย

ประเภท และวัสดุที่นิยมใช้ในการผลิต สติ๊กเกอร์ ฉลากสินค้า

การผลิตสติ๊กเกอร์และฉลากสินค้ามีหลายประเภทและวัสดุที่นิยมใช้ ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้

ประเภท และวัสดุที่ใช้ในการผลิตสติ๊กเกอร์

1.สติ๊กเกอร์กระดาษแบบขาวด้าน

เป็นสติ๊กเกอร์ที่มีราคาถูกและให้ความเรียบหรู เหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่ต้องสัมผัสน้ำหรือความชื้น โดยมีคุณสมบัติกันน้ำได้เพียง 40% เท่านั้น

2.สติ๊กเกอร์กระดาษแบบขาวมัน

มีความมันเงาและแวววาว ทำให้สินค้าดูโดดเด่น สติ๊กเกอร์นี้เหมาะสำหรับการติดกับสินค้าที่ไม่ต้องสัมผัสน้ำ แต่ไม่สามารถทนความชื้นได้มากนัก

3.สติ๊กเกอร์พีพี (PP)

เป็นสติ๊กเกอร์ที่สามารถกันน้ำได้ 100% และมีความคมชัดสูง เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องสัมผัสน้ำหรือแช่ในช่องแช่แข็ง เช่น ขวดเครื่องดื่มหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความทนทานต่อความชื้น

4.สติ๊กเกอร์ PVC

สติ๊กเกอร์ PVC สามารถกันน้ำได้ 100% และทนทานต่ออุณหภูมิสูงถึง 40-60 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องเผชิญกับทั้งความชื้นและความร้อน

5.สติ๊กเกอร์วอยด์ (Void Sticker)

สติ๊กเกอร์วอยด์ทำจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่นและทนทาน เมื่อมีการลอกออก จะทิ้งข้อความ “Void” หรือร่องรอยอื่นๆ ไว้บนบรรจุภัณฑ์ ทำให้ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าสินค้าที่ซื้อเป็นของแท้ และได้รับการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด

6.สติ๊กเกอร์โฮโลแกรม (Hologram Sticker)

มีการพิมพ์ด้วยเทคโนโลยี 3 มิติ ที่สะท้อนแสงได้ดี ทำให้ยากต่อการลอกเลียนแบบ สามารถกันน้ำได้ดี และมีความทนทานต่อการถูกทำลายจากแสงแดด

ประเภท และวัสดุที่ใช้ในการผลิตฉลากสินค้า

ประเภทของฉลากสินค้า

• ฉลากอาหาร: ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น สติ๊กเกอร์ติดกล่องอาหาร, สติ๊กเกอร์ติดขวดน้ำ, และฉลากติดอาหารแปรรูป
• ฉลากยาและเครื่องสำอาง: รวมถึงสติ๊กเกอร์ติดขวดยา, ฉลากอาหารเสริม, และสติ๊กเกอร์สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
• ฉลากสินค้าทั่วไป: ใช้สำหรับสินค้าหลายประเภท เช่น สติ๊กเกอร์ติดขวดแชมพู, สติ๊กเกอร์ติดสบู่, และสติ๊กเกอร์ติดน้ำมันเครื่อง
• ฉลากข้อมูล: เช่น ฉลาก อย., ฉลากโภชนาการ, และข้อมูลการควบคุมคุณภาพ
• ฉลากสินค้าชนิดม้วน: สำหรับใช้กับเครื่องช่วยติดสติ๊กเกอร์ทั้งแบบแมนวลและอัตโนมัติ

วัสดุที่ใช้ในการผลิตฉลากสินค้า

1.พลาสติก

• PP (Polypropylene): ทนทานต่อความชื้นและน้ำ เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องสัมผัสน้ำ เช่น ขวดเครื่องดื่ม
• PVC (Polyvinyl Chloride): มีความทนทานสูง ทนต่อแสงแดดและความร้อน ใช้สำหรับสินค้าที่ต้องการความแข็งแรง
• PET (Polyethylene Terephthalate): ทนต่อความร้อนสูงและกันน้ำได้ดี เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอุณหภูมิสูง

2.กระดาษคราฟท์

วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้ในการผลิตสินค้าที่เน้นความเป็นธรรมชาติ เช่น สินค้าแฮนด์เมดหรือผลิตภัณฑ์อินทรีย์

3.กระดาษขาวมัน (Glossy Paper)

มีผิวมันเงา เหมาะสำหรับการพิมพ์โลโก้และข้อมูลที่ไม่ต้องสัมผัสน้ำมากนัก

4.สติ๊กเกอร์กันปลอม (Hologram Sticker)

มีคุณสมบัติกันน้ำและกันความร้อนได้ดี ช่วยเพิ่มความพรีเมียมให้กับสินค้าที่มีมูลค่าสูง

สรุป

การเลือกใช้ฉลากสินค้าและสติ๊กเกอร์สินค้าที่เหมาะสมกับประเภทของสินค้าจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของคุณ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าของคุณได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น การเลือกวัสดุที่เหมาะสมและมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและความพึงพอใจให้กับลูกค้า

อ่านบทความเพิ่มเติม: ฉลากสินค้าและสติกเกอร์ เพิ่มยอดขายได้อย่างไร?